แบกเป๋าเป้ชวนไปปีนัง...
นับวันได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเพื่อจุดประสงค์เดียวคือ โก ทู ปีนัง...หลังจากที่พาเที่ยวชมวัดวาอารามกันมาหลายต่อครั้งแล้ว คราวนี้แบกเป๋าเป้จะพามาเปลี่ยนมุมเที่ยวสไตล์ชิคๆ ชิวๆ กันบ้าง ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราก็คือ รัฐปีนัง หรือที่เขาขนามนามกันว่าเป็น "แดนไข่มุกแห่งตะวันออก"
พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมลายูประเทศมาเลเซีย โดยรัฐปีนังประกอบด้วยส่วนที่เป็นเกาะซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 285 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่แผ่นดินใหญ่ที่เรียกว่า Seberang Perai ประมาณ 760 ตารางกิโลเมตร พื้นที่สองส่วนเชื่อมกันด้วยสะพานปีนังและมีช่องแคบที่มีความกว้างเพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น
และที่รัฐปีนังแห่งนี้คือที่ตั้งของ จอร์จทาวน์ (Georgetown) ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งรัฐปีนังนั่นเอง อดีตกาลที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างหลั่งใหลมาเยือนจอร์จทาวน์ นอกจากจะได้เห็นย่านช็อปปิ้ง หาดทรายสวยงาม ศูนย์ราชการ ย่านธุรกิจและการผสมผสานทางวัฒนธรรมของคนหลายเชื้อชาติแล้ว จอร์จทาวน์ยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมแบบ Sino-Portuguese ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างจีน-โปรตุเกส ที่นี่จึงนับว่าเป็นแหล่งที่มีอาคารเก่าแก่จำนวนมากที่สุดในประเทศมาเลเซีย
➤Georgetown in History
จอร์จทาวน์ คือเมืองหลวงของรัฐปีนังตามชื่อพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะปีนังหลังจากที่ปีนังถูกส่งต่อให้เป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสุลต่านแห่งรัฐเคดาห์ซึ่งแต่ก่อนเคยปกครองปีนัง กระทั่ง เซอร์ ฟรานซิส ไลท์ ได้ก่อตั้งเมืองจอร์ทาวน์ขึ้นและทันทีที่เขาได้สร้างป้อม Fort Cornwallis ที่นี่ได้กลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรก ในปี 1957 ชื่อจอร์จทาวน์ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นชื่อเมืองจนถึงปี 1972 จอร์จทาวน์กลายเป็นเมืองเดียวในมาเลเซียที่ได้รับอนุญาติให้ใช้ชื่อที่มาจากตะวันตก
ย้อนกลับไปเมื่อโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำการค้าบริเวณเมืองท่ามะละกา ได้นำเอาวัฒนธรรมและวิทยาการสมัยใหม่เข้ามาเผยแพร่โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมเรื่องการสร้างบ้านเรือน อย่างไรก็ตามการสร้างบ้านเรือนตั้งอาศัยช่างชาวจีนในการวางผังแต่ลักษณะสถาปัตยกรรมได้เพี้ยนไปจากแบบของโปรตุเกส
โดยช่างชาวจีนได้ตกแต่งลวดลายสัญลักษณ์และรูปแบบบางส่วนของตัวอาคารตามคติความเชื่อของจีน
จึงเกิดการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมโปรตุเกสและจีน เป็นเอกลักษณ์ที่มีลักษณะเฉพาะของกลุ่มคน
3 เชื้อชาติ ได้แก่ โปรตุเกส จีนและมลายู
ต่อมาเมื่อชาวดัตช์และอังกฤษเข้ามามีอิทธิพลในแหลมมลายู ก็ได้ปรัปปรุงตัวอาคารโดยดัดเเปลงและเพิ่มลวดลายต่างๆ แม้ว่าอังกฤษและดัตช์จะเข้ามามีอิทธิพลในการผสมผสานศิลปะของตนเองเข้าไปในยุคหลังด้วยก็ตาม แต่ก็ยังคงเรียกรวมกันว่า จีน-โปรตุเกส หรือ Sino-Portuguese เหมือนเดิม
ต่อมาเมื่อชาวดัตช์และอังกฤษเข้ามามีอิทธิพลในแหลมมลายู ก็ได้ปรัปปรุงตัวอาคารโดยดัดเเปลงและเพิ่มลวดลายต่างๆ แม้ว่าอังกฤษและดัตช์จะเข้ามามีอิทธิพลในการผสมผสานศิลปะของตนเองเข้าไปในยุคหลังด้วยก็ตาม แต่ก็ยังคงเรียกรวมกันว่า จีน-โปรตุเกส หรือ Sino-Portuguese เหมือนเดิม
➤Architecture
การผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบจีน-โปรตุเกส คือการผสานกันระหว่างศิลปะยุโรปและศิลปะจีน อาจกล่าวได้ว่าเป็น สถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม (Colonial Style) มีลักษณะเป็นตัวอาคารสองชั้นกึ่งที่อยู่อาศัย จะมีด้านหน้าอาคารที่ชั้นล่างมีช่องโค้งต่อเนื่องกันเป็นระยะๆ เพื่อให้เกิดการเดินเท้า นอกจากนี้อาคารแบบอาณานิคมก็ยังมีการนำลวดลายศิลปะแบบตะวันตกแบบกรีกโรมัน หรือ ศิลปะคลาสสิก เช่นหน้าต่างวงโค้งเกือกม้าหรือหัวเสาแบบไอออกนิกและคอรินเทียน มาปรับใช้เรียกว่า คลาสสิกใหม่
การผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบจีน-โปรตุเกส คือการผสานกันระหว่างศิลปะยุโรปและศิลปะจีน อาจกล่าวได้ว่าเป็น สถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม (Colonial Style) มีลักษณะเป็นตัวอาคารสองชั้นกึ่งที่อยู่อาศัย จะมีด้านหน้าอาคารที่ชั้นล่างมีช่องโค้งต่อเนื่องกันเป็นระยะๆ เพื่อให้เกิดการเดินเท้า นอกจากนี้อาคารแบบอาณานิคมก็ยังมีการนำลวดลายศิลปะแบบตะวันตกแบบกรีกโรมัน หรือ ศิลปะคลาสสิก เช่นหน้าต่างวงโค้งเกือกม้าหรือหัวเสาแบบไอออกนิกและคอรินเทียน มาปรับใช้เรียกว่า คลาสสิกใหม่
สิ่งที่ผสมผสานศิลปะแบบจีนคือลวดลายการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพประติมากรรมนูนต่ำหรือนูนสูงทำด้วยปูนปั้นระบายสีของช่างฝีมือชาวจีน
มักจะประดับอยู่บนโครงสร้างอาคารแบบโปรตุเกส บานหน้าต่าง
ตลอดจนการตกแต่งภายในที่มีลักษณะเป็นศิลปะแบบจีน
➤Georgetown Highlights
and Features
⇨ Penang Peranakan Mansion หรือคฤหาสถ์เปรานากัน
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจอร์จทาวน์
ในอดีตเคยเป็นที่พำนักของ กัปปิตัน ชุง เค็ง ควี่ ผู้นำคนงานชาวจีนและองกรค์ลับไห่ซานเมื่อปี
1867 ต่อมากลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและควบคุมการผูกขาดทางการค้าก่อนบ้านหลังนี้จะถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์
-ค่าเข้าชม 20 ริงกิต
-เปิดทุกวัน 09:30-17:00
น.
-ถนน Church Street จอร์จทาวน์
➱Cheong fatt tze mantion หรือ บ้านคหบดีเฉิงฟัตเจ๋อ
คฤหาสถ์สีฟ้าแบบจีนที่ตั้งอยู่ในย่านจอร์จทาวน์
เคยเป็นที่พำนักของ เฉิงฟัตเจ๋อ บุคคลสำคัญของจีนในสมัยที่มีการจัดตั้งเขตช่องแคบปีนังในศตวรรษที่
19 และสร้างโดยช่างฝีมือชาวจีน ตัวคฤหาสถ์ประกอบด้วยห้อง 38
ห้อง ลานหน้าบ้านมีทางเดินหินแกรนิต 5 แห่ง
บันได 7 จุดและหน้าต่าง 220 บานเกล็ดแบบโกธิค
กำแพงก่อด้วยอิฐ สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยประดับด้วยรูปปั้น รูปสลักและผ้า
-ตั้งอยู่บนถนนเลบูห์ เล็ท
ระหว่างถนนเลบูห์ชูเลียและถนนสุลต่านอาหมัดซาห์
➯Kapitan Keling Mosque หรือ มัสยิดกาปิตัน เคลิง
สร้างขึ้นครั้งแรกโดยกลุ่มคนของบริษัทอีสอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกรากในปีนังในช่วงปลายทศวรรษที่
1700 ชาวมุสลิมที่นำโดย
คาวเดอร์ มิดิน เมอร์ริคัน หรือที่รู้จักในนาม กาปิตัน
เคลิง ได้รับที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ 18 เอเคอร์ ด้านนอกของมัสยิดล้อมด้วยกำแพงเตี้ยๆ ตัวมัสยิดมีสีขาว
ประดับด้วยโดมและหอคอยแบบโมกุลสีเหลือง ภายในมีมาดราซาห์ (สถานที่สอนศาสนา)
และบริเวณมุมถนนบักกิ้งแฮมและพิตสตรีทมีหอคอยสูงซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้ประกาศเรียกชาวมุสลิมมาทำละหมาดตั้งอยู่
-ตั้งอยู่ระหว่างถนนเลบูห์เลียและบักกิ้งแฮม
➯Khoo Kongsi หรือ บ้านสกุลคู่
บ้านประจำตระกูลคู่หลังนี้สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่
1890 กล่าวกันว่า มีความหรูหราเท่าราชวังของจักรพรรดิจีน
ความหรูหราดังกล่าวทำให้ทวยเทพพิโรธ คืนแรกที่สร้างบ้านเสร็จเกิดไฟไหม้โดยไม่ทราบสาเหตุ
ไฟวอดเผาทำลายบ้านทั้งหลังและบ้านถูกสร้างขึ้นอีกครังในค.ศ. 1902 บ้านสกุลคู่คือหนึ่งในบ้านประจำตรูห้าหลังในจอร์จทาวน์
เป็นบ้านประจำตระกูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปีนัง
ตัวบ้านใช้เสาไม้ขนาดย่อมรองรับน้ำหนักของหลังคา
กระเบื้องสีแดงซึ่งมีรูปโค้งเล็กน้อย ด้านบนสลักรูปมังกร หงส์ สัตว์ในตำนาน
รวมทั้งภาพวาดต่างๆที่ได้รับความนิยมในหมู่คนจีน
ภายในมีห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งตกแต่งด้วยไม้สลักละเอียด ประณีตและหรูหรา
เล่ากันว่าเป็นฝีมือระดับปรมาจารย์ของชาวจีน
-มีทางเข้าสองทาง
ประตูด้านหนึ่งอยู่บนถนนมัสยิดกาปิตันเคลิงระหว่างเนียนสตรีทและเลบูห์อาเจะห์
-ประตูอีกด้านอยู่บนถนนลาบูห์ปันไต
ระหว่างอาร์เมเนียนสตรีทและเลบูห์อาเจะห์
Kek Lok Si หรือ วัดเก๊กลกสี่
เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มีอีกชื่อหนึ่งว่า Temple of Supreme Bliss สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ เจดีย์สมเด็จพระรามหก
แต่ละชั้นจะประดิษฐานพระพุทธรูปและองค์ทวยเทพต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีรูปหล่อเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่อีกด้วย
Street Art
สำหรับ Street Art ที่นี่จะเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะข้างถนน โดยคำนึงถึงการใช้องค์ประกอบดั้งเดิม มามีส่วนร่วมในงานศิลปะแต่ละชิ้น เช่น การหยิบเสา หน้าต่าง หรือช่องเปิด มาวาดเพิ่มเรื่องราวให้กับองค์ประกอบนั้นๆเพื่อให้ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสถานที่ ผลงานสร้างชื่อเป็นของ Ernest Zacharevic ศิลปินชาวลิทัวเนียที่มีโอกาสมาเยือนปีนังในปี 2012 และสร้างผลงานศิลปะไว้บนฝาผนัง 12 รูป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมจอร์จทาวน์ โดยแต่ละรูปจะสะท้อนวิถีชีวิตคนในท้องถิ่น เช่น Kids on Bicycle บนถนน Armenian
สำหรับ Street Art ที่นี่จะเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะข้างถนน โดยคำนึงถึงการใช้องค์ประกอบดั้งเดิม มามีส่วนร่วมในงานศิลปะแต่ละชิ้น เช่น การหยิบเสา หน้าต่าง หรือช่องเปิด มาวาดเพิ่มเรื่องราวให้กับองค์ประกอบนั้นๆเพื่อให้ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสถานที่ ผลงานสร้างชื่อเป็นของ Ernest Zacharevic ศิลปินชาวลิทัวเนียที่มีโอกาสมาเยือนปีนังในปี 2012 และสร้างผลงานศิลปะไว้บนฝาผนัง 12 รูป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมจอร์จทาวน์ โดยแต่ละรูปจะสะท้อนวิถีชีวิตคนในท้องถิ่น เช่น Kids on Bicycle บนถนน Armenian
➤UNESCO World Heritage
Site
จอร์จทาวน์ร่วมกับเมืองมะละกา ได้มีพัฒนาการการค้าและการเเลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมร่วมกันมายาวนานกว่า
500 ปี
อิทธิพลของเอเชียและยุโรปทำให้เมืองนี้มีมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่เฉพาะเจาะจง
เมืองประวัติศาสตร์จอร์จทาวน์มีอาคารเก่าแก่กว่า 12,000 แห่ง
ประกอบด้วยอาคารร้านค้า โบสถ์ มัสยิด อนุสาวรีย์ สำนักงานรัฐบาล อาคารพาณิชย์และที่อยู่อาศัยต่างๆจำนวนมาก
แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลอังกฤษตั้งแต่ยุคปลายศตวรรษที่ 18 ด้วยเหตุนี้จอร์จทาวน์ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อวันที่
7 กรกฎาคม ค.ศ. 2008
จอร์จทาวน์แห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคม อาจไม่ใช่เมืองที่ทันสมัยเหมือนกัวลาร์ลัมเปอร์แต่เป็นเมืองที่หลายๆ คนกลับต้องมนต์เสน่ห์ในบรรยากาศแบบโบราณ การนั่งสามล้อปั่นจักรยานชมเมือง เดินเล่นชิวๆ ทานอาหารและดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ชวนหลงใหล แบกเป๋าเป้แนะนำว่าที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่ควรพลาด...และครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาให้ได้
ที่มาภาพ :
เที่ยวปีนัง สัมผัสมนตร์เสน่ห์เมืองเก่าสุดฮิป ภาพจาก https://travel.kapook.com/view129975.html
ทริปบินเดี่ยวเที่ยวปีนัง งบ 5 พันเอาอยู่ ภาพจาก https://www.chillpainai.com/scoop/8205/
Penang Street Art สุดชิคพร้อมลายแทงกันหลง ภาพจาก https://www.tem-temmax.com/penang-street-art/
Cheong fatt tze mantion ภาพจาก https://kosublog.com/en/malaysia-brunei-day3-3-1509/
Khoo Kongsi ภาพจาก https://travel.mthai.com/world-travel/186737.html
Kek Lok Si ภาพจาก https://www.trover.com/d/14YNS-kek-lok-si-chinese-temple-air-itam-malaysia
Kapitan Keling Mosque ภาพจาก https://www.expedia.com/Kapitan-Keling-Mosque-Downtown-George-Town.d6113862.Vacation-Attraction
ที่มาบทความ :
Georgetown: Capital of Penang Island.(มมป.).ค้นคว้าเมื่อ 19/09/2018,จากเว็บไซต์ http://www.wonderfulmalaysia.com/georgetown-city-penang-malaysia.htm
Old Georgetown Street at Penang.(มมป.).ค้นคว้าเมื่อ 19/09/2018, จากเว็บไซต์ http://www.penang.ws/penang-attractions/georgetown-unesco.htm
Penang Malaysia.(มมป.). ค้นคว้าเมื่อ 20/09/2018,จากเว็บไซต์ https://www.penang.com/v/history/
สถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส.(มมป.).ค้นคว้าเมื่อ 20/09/2018,จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/สถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส
Malaysian Truly Asia.(มมป.).ค้นคว้าเมื่อ 20/09/2018,จากเว็บไซต์ http://www.malaysia.travel/th-th/th/global-search?q=ปีนัง
No comments:
Post a Comment